ความเป็นมาและวัตถุประสงค์
มูลนิธิเผยแผ่ธรรมะของอนุศาสนาจารย์ทหารบก
(The Arm Chaplain Foundation For The Dharma Propagation)
ความเป็นมา
กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก ได้ออกระเบียบว่าด้วย การจัดตั้งกองทุนเผยแผ่ธรรมะ ลงวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๐๔ โดยมีคณะอนุศาสนาจารย์ ได้ร่วมกันบริจาคเงินสมทบทุนเรียกทุนนี้ว่า “เงินทุนเผยแผ่ธรรมะของคณะอนุศาสนาจารย์” มีวัตถุประสงค์เพื่อการจัดทำอุปกรณ์การสอนการวิจัยผลงานเกี่ยวกับการสอนและการอบรม การพิมพ์บรรณสารหรือเอกสารเผยแผ่ธรรมะ และการแนะนำทางใจเป็นหลัก
ปี ๒๕๑๕ ได้ออกระเบียบเพิ่มเติมว่าด้วย “นิธิเผยแผ่ธรรมะของอนุศาสนาจารย์ทหารบก พ.ศ. ๒๕๑๕” ลงวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๕ และออกคำสั่งกองอนุศาสนาจารย์ฯ ลงวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๕ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการ การบริหารนิธิเผยแผ่ธรรมะของอนุศาสนาจารย์ทหารบก โดยมี พันเอก ปาน จันทรานุตร เป็นประธานกรรมการ
ปี ๒๕๑๗ ได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นมูลนิธิ ทะเบียนเลขที่ ๘๒๗ ชื่อว่า “มูลนิธิเผยแผ่ธรรมะของอนุศาสนาจารย์ทหารบก” อักษรย่อว่า “มธศ” มีฐานะเป็นนิติบุคคล ตามประกาศของกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๑๗ และมูลนิธิได้รับการประกาศเป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศลลำดับที่ ๑๖๕ ตามประกาศกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๓๑ ได้รับการยกเว้นการเสียภาษีเงินได้มาจนถึงปัจจุบัน
วัตถุประสงค์
๑. ออกวารสารธรรมะและจัดพิมพ์เอกสารธรรมะออกเผยแพร่
๒. สนับสนุนและส่งเสริมการศึกษาและการปฎิบัติศีลธรรมของทหารครอบครัวและเยาวชน รวมทั้งหน่วยงาน องค์การ และสถาบันต่างๆ
๓. จัดส่งเทปบันทึกคำบรรยายธรรมไปออกอากาศตามสถานีวิทยุกระจายเสียงภายในประเทศ
๔. บริการหิ้งธรรมโอสถและหนังสือธรรมะแก่คนไข้ในโรงพยาบาลและผู้ต้องขังในเรือนจำ ทั้งทหารและพลเรือน
๕. จัดกิจกรรมและบำเพ็ญกุศลสงเคราะห์ ตามที่เห็นเป็นการสมควร
๖. จัดทำอุปกรณ์การสอนและการเผยแผ่ธรรมะออกเผยแพร่ ทั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง
(สำเนา)
ตราสาร
ของ
มูลนิธิเผยแผ่ธรรมะของอนุศาสนาจารย์ทหารบก
ชื่อ
ข้อ ๑ มูลนิธินี้ให้ชื่อว่า “มูลนิธิเผยแผ่ธรรมะของอนุศาสนาจารย์ทหารบก” ให้อักษรย่อว่า “มธศ.” มีชื่อในภาษาอังกฤษว่า The Army Chaplain Foundation For The Dharma Propagation
วัตถุประสงค์
ข้อ ๒ มูลนิธินี้มีวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้
ก. ออกวารสารธรรมะและจัดพิมพ์เอกสารธรรมะออกเผยแพร่
ข. สนับสนุนและส่งเสริมการศึกษาและการปฎิบัติธรรมของทหาร ครอบครัวและเยาวชน รวมทั้งหน่วยงาน องค์การ และสถาบันต่างๆ
ค. จัดส่งเทปบันทึกคำบรรยายธรรมไปออกอากาศตามสถานีวิทยุกระจายเสียงภายในประเทศ
ง. บริการหิ้งธรรมโอสถและละหนังสือธรรมะแก่คนไข้ในโรงพยาบาลและผู้ต้องขังในเรือนจำ ทั้งทหารและพลเรือน
จ. จัดกิจกรรมและบำเพ็ญกุศลสงเคราะห์ ตามที่เห็นเป็นการสมควร
ฉ. จัดทำอุปกรณ์การสอนและการเผยแผ่ธรรมะออกเผยแพร่ ทั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง
สำนักงาน
ข้อ ๓ สำนักงานของมูลนิธิ ตั้งอยู่ที่ตึกกองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก ถนนเทิดดำริ ตำบลถนนนครไชยศรี อำเภอดุสิต กรุงเทพมหานคร
ทุนทรัพย์และทรัพย์สิน
ข้อ ๔ ทรัพย์สินของมูลนิธิ มีทุนเริ่มแรกคือเงิน ๑๐๐,๕๙๗.- บาท
ข้อ ๕ มูลนิธิอาจได้มาซึ่งทรัพย์สิน โดยวิธีการดังต่อไปนี้
ก. เงินจากผู้มีศรัทธาบริจาค
ข. ทรัพย์สินผู้มีศรัทธายกให้ โดยพินัยกรรมหรือนิติกรรมอื่นๆ ซึ่งไม่มีเงื่อนไขผูกพันมูลนิธิให้รับผิดชอบในหนี้สินแต่ประการใด
ค. ดอกผลซึ่งเกิดจากทรัพย์สินซึ่งเป็นทุนของมูลนิธิ
การจัดการ
ข้อ ๖ ให้คณะกรรมการบริหารมูลนิธิ เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการทรัพย์สินและกิจการต่าง ๆ ของมูลนิธิให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เพื่อการนี้คณะกรรมการอาจตราระเบียบหรือออกคำสั่งใดๆ ซึ่งไม่ขัดหรือแย้งกับตราสารนี้ ใช้บังคับได้
ข้อ ๗ เมื่อเห็นเป็นการสมควร คณะกรรมการบริหารมูลนิธิจะเชื้อเชิญบุคคลใดมาเป็นกรรมการอุปถัมภ์ของมูลนิธิด้วยก็ได้
ข้อ ๘ คณะกรรมการของมูลนิธินี้อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า ๙ คน อย่างมาก ไม่เกิน ๑๕ คน ตามที่ได้จดทะเบียนเป็นครั้งคราวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
ในกรณีที่ตำแหน่งกรรมการว่างลง กรรมการที่เหลืออยู่นั้นเป็นผู้พิจารณาเลือกบุคคลเข้าเป็นกรรมการซ่อมแทนให้ครบจำนวน
ในวาระที่เริ่มแรก คณะกรรมการดำเนินการได้แก่บุคคลตามบัญชีรายชื่อกรรมการท้ายตราสารนี้ เมื่อคณะกรรมการบริหารชุดแรกใด้ทำหน้าที่มาครบ ๒ ปี ให้ทำการจับสลากออกจำนวนกึ่งหนึ่ง
ข้อ ๙ ในจำนวนกรรมการบริหารมูลนิธินั้น แม้ตำแหน่งจะว่างไปบ้าง กรรมการที่มีตัวอยู่ก็ย่อมดำเนินการไปได้ แม้ถ้าในเวลาใด จำนวนกรรมการลดน้อยลง กว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด กรรมการบริหารที่มีตัวอยู่จะดำเนินการได้เฉพาะเรื่องที่จะมีกรรมการบริหารให้ครบจำนวนเท่านั้น จะดำเนินการเรื่องอื่นไม่ได้
ข้อ ๑๐ ประธานกรรมการบริหาร เป็นผู้จัดการมูลนิธิ ถ้าประธานไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ให้รองประธานทำการแทนจนกว่าประธานจะมาปฏิบัติหน้าที่ได้
ข้อ ๑๑ ในการทำนิติกรรมใดๆ ของมูลนิธิ หรือการลงชื่อในเอกสารและหนังสื่อต่างๆ อันเป็นหลักฐานของมูลนิธิและการอรรถคดี ประธานหรือผู้ทำการแทนเป็นผู้ลงลายมือชื่อแต่ผู้เดียว ก็ถือว่าเป็นอันใช้บังคับได้
ข้อ ๑๒ ให้มีการประชุมกรรมการบริหารปีละหนึ่งครั้งเป็นอย่างน้อย เพื่อพิจารณาการดำเนินการของมูลนิธิ กับให้มีการประชุมพิเศษในเดือนแรกของปีปฏิทิน เพื่อพิจารณาเรื่องต่างๆ ดังนี้
ก. รายงานประจำปีของมูลนิธิ
ข. รับรองงบดุล
ค. แต่งตั้งผู้สอบบัญชี
ง. เรื่องอื่นๆ หากมี
ประธานกรรมการบริหารเป็นผู้นัดประชุม เลขานุการคณะกรรมการ เป็นผู้จดรายงานการประชุม การประชุมแต่ละครั้ง จะต้องมีกรรมการบริหารเข้าประชุมอย่างน้อยครึ่งหนึ่งจึงจะครบองค์ประชุม มติของที่ประชุมให้ถือเอาเสียงข้างมาก ถ้าเสียงเท่ากัน ให้ประธานเป็นผู้ชี้ขาด
ข้อ ๑๓ การประชุมวิสามัญ อาจมีได้ในเมื่อประธานหรือผู้ทำการแทนเรียกประชุมตามที่เห็นสมควร หรือเมื่อกรรมการตั้งแต่ ๓ คนขึ้นไป แสดงความประสงค์ไปยังประธานหรือผู้ทำการแทนขอให้มีการประชุมวิสามัญ ก็ให้ประธานหรือผู้ทำการแทนเรียกประชุมได้
ข้อ ๑๔ กรรมการแต่ละคนต้องมีคุณสมบัติดังนี้
ก. มีอายุไม่ต่ำกว่า ๓๐ ปี
ข. ไม่เป็นบุคคลล้มละลายหรือไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ
ค. ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
ง. เป็นผู้มีความประพฤติเรียบร้อย
ข้อ ๑๕ กรรมการพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
ก. อยู่ในตำแหน่งครบ ๔ ปี
ข. ตายหรือลาออก
ค. ขาดคุณสมบัติตามตราสารข้อ ๑๔
ง. ต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษาโทษจำคุก
จ. เป็นผู้มีความประพฤติและปฏิบัติตนไม่เหมาะสมจนคณะกรรมการมีมติให้พ้นจากตำแหน่ง
การเงิน
ข้อ ๑๖ ให้เหรัญญิกเก็บเงินไว้เพื่อใช้จ่ายในกิจการของมูลนิธิเท่าที่จำเป็นแต่ต้องไม่เกินหนึ่งพันบาทถ้วน เงินที่เกินจำนวนหนึ่งพันบาทขึ้นไปให้นำฝากไว้ในธนาคาร ตามที่คณะกรรมการบริหารเห็นสมควรกำหนดไว้ การฝากเงินให้ฝากในนามของมูลนิธิเผยแผ่ธรรมะของอนุศาสนาจารย์ทหารบก
การสั่งจ่ายเงินออกจากธนาคาร ให้ประธานกรรมการบริหารหรือผู้ทำการแทนร่วมกับเหรัญญิกเป็นผู้ลงนามในเช็คสั่งจ่าย
ข้อ ๑๗ เอกสารหลักฐานสำคัญเกี่ยวกับการรับ – จ่ายเงินของมูลนิธิมีดังนี้
ก. ทะเบียนนิธิของมูลนิธิ แยกเป็นนิธิของผู้บริจาค
ข. บัญชี รับ – จ่ายเงิน
ค. ใบสำคัญรับเงิน
เพื่อความเรียบร้อยในทางการเงิน มูลนิธิจะเพิ่มหลักฐานชนิดอื่นอีกก็ย่อมทำได้
เหรัญญิกเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการลงรายการในทะเบียนบัญชีตลอดจนเก็บรักษาเอกสารหลักฐานการรับจ่ายเงิน
ข้อ ๑๘ ผู้สอบบัญชีซึ่งได้รับแต่งตั้งตามข้อ ๑๒ ย่อมมีอำนาจตรวจสอบทรัพย์สินและสรรพเอกสารเกี่ยวกับการเงินและทรัพย์สินของมูลนิธิ รวมทั้งการสอบถามกรรมการบริหารของมูลนิธิ
ข้อ ๑๙ ผู้สอบบัญชีของมูลนิธิ ต้องไม่เป็นกรรมการบริหารของมูลนิธิ หรืออนุศาสนาจารย์ทหารบก
ข้อ ๒๐ ให้เหรัญญิกทำบัญชีงบดุลประจำปีในวันสิ้นสุดของปีปฏิทินงบดุลดังกล่าวเมื่อผู้สอบบัญชีรับรอง และที่ประชุมกรรมการบริหารมูลนิธิรับรองด้วยแล้ว ถือว่าถูกต้อง
ข้อ ๒๑ ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิ มีอำนาจสั่งอนุมัติจ่ายเงินคราวละไม่เกินห้าพันบาท ถ้าเกินห้าพันบาทให้เป็นอำนาจของที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร
ข้อ ๒๒ ในการใช้จ่ายเงินของมูลนิธิประจำปี จะทำเป็นงบประมาณประจำปีด้วยก็ได้
การแก้ไขตราสาร
ข้อ ๒๓ ตราสารนี้จะแก้ไขเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงมิได้ เว้นแต่โดยมติเป็นเอกฉันท์ของคณะกรรมการบริหารมูลนิธิ
การเลิกมูลนิธิ
ข้อ ๒๔ มูลนิธินี้จะล้มเลิกได้ ก็แต่โดยมติเป็นเอกฉันท์ของคณะกรรมการบริหารของมูลนิธิ
เมื่อกิจการของมูลนิธิจำต้องล้มเลิกเพราะเหตุใดก็ตาม ให้ทรัพย์สินของมูลนิธิทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์ของมูลนิธิทางพระพุทธศาสนาซึ่งมีวัตถุประสงค์ใกล้เคียงกัน และมีสภาพเป็นนิติบุคคล
เบ็ดเตล็ด
ข้อ ๒๕ การตีความหมายในตราสาร หากเป็นที่สงสัยให้ถือเสียงข้างมากในที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร ถ้าเสียงเท่ากัน ให้ประธานเป็นผู้ชี้ขาด
ข้อ ๒๖ ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์ว่าด้วยลักษณะมูลนิธิมาใช้บังคับ ในเมื่อตราสารนี้มิได้กำหนดไว้
ข้อ ๒๗ มูลนิธินี้ จะไม่ทำการค้ากำไร และจะไม่ดำเนินการนอกเหนือไปจากตราสารกำหนดไว้
(ลงชื่อ) พันเอก ปาน จันทรานุตร
(ปาน จันทรานุตร)
ผู้ทำตราสาร
สำเนาตราสารฉบับที่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนเลขลำดับที่ ๘๒๗
ลงชื่อ ว่าที่ ร.ต. …………………………..
ผู้อำนวยการกองการทะเบียน
๑๐ กันยายน ๒๕๑๗
การดำเนินงานของมูลนิธิเผยแผ่ธรรมะของอนุศาสนาจารย์ทหารบก
มูลนิธิเผยแผ่ธรรมะของอนุศาสนาจารย์ทหารบก ได้จัดโครงการเพื่อสนับสนุนงานเผยแผ่ธรรมะ โดยระดมทุนด้วยการทอดผ้าป่าคืนสู่เหย้า อศจ.ทบ. เพื่อสมทบทุนในการสร้างอุทยานพุทธธรรมสิกขา กรมยุทธศึกษาทหารบก ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่สำหรับเผยแผ่ธรรมและปฏิบัติธรรมของกองทัพบก และได้สนับสนุนการจัดงาน “๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย” ด้วยการสร้างพระพุทธสิงห์ชัยมงคล ๑๐๐ ปี อนุศาสนาจารย์ไทย นอกจากนั้นยังได้ร่วมมือกับหน่วยงานอื่นในการส่งเสริมการเผยแผ่ธรรมะอีกด้วย