อุทยานพุทธธรรมสิกขา กรมยุทธศึกษาทหารบก

พล.ท.ณฐพนธ์  ศรีสวัสดิ์  เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ได้มีดำริให้จัดสร้างอุทยานพุทธธรรมสิกขา  ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่กรมยุทธศึกษาทหารบก  จำนวน ๕ ไร่เศษ เพื่อเป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าพุทธธรรม โดยน้อมนำการตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณของพระพุทธเจ้า และป่าอิสิปตนมฤคทายวัน  อันเป็นสถานที่แสดงปฐมเทศนา เกิดมีปฐมสาวกมีพระรัตนตรัยครบองค์ ๓ อุทยานแห่งนี้จะเป็นสถานที่ใช้เพื่อการเรียนรู้ และฝึกอบรมวิปัสสนากัมมัฏฐานตามหลักสติปัฏฐาน ๔ รวมทั้งเป็นสถานที่ประกอบกิจกรรมทางศาสนาของกำลังพลกองทัพบกและประชาชนทั่วไป  มีการจำลองสัตตมหาสถาน (๗ มหาสถาน)และป่าอิสิปตนมฤคทายวัน   อันเป็นสถานที่แสดงปฐมเทศนา รวมเป็น ๘ มหาสถาน พร้อมทั้งปลูกต้นไม้ในพุทธประวัติ  สร้างเป็นสวนป่าเพื่อปลูกไม้พันธุ์อื่นๆ ไว้เป็น  รมณียสถาน ตามแบบแปลน

          มหาสถานที่ ๑ “ต้นพระศรีมหาโพธิ์”

          พระพุทธเจ้าทรงกำหนดประทับใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชราเป็นที่บำเพ็ญความเพียร ทรงตั้งสัตยาธิษฐานด้วยพระทัยเด็ดเดี่ยวว่า “แม้เนื้อและเลือดจะแห้งเหือดไปหมดสิ้นเหลือแต่หนัง เอ็น และกระดูกก็ตาม ตราบใดที่ยังไม่บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ ตราบนั้นจักไม่ลุกจากบัลลังก์นี้” พระพุทธองค์ตรัสรู้อริยสัจ ๔   ณ ที่แห่งนี้ และภายหลังการตรัสรู้ ทรงพิจารณาปฏิจจสมุปบาท คือ วงจรการเกิดการดับแห่งทุกข์ ตลอด ๗ วัน

          ในมหาสถานนี้ ได้ปลูกหน่อต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่เป็นสายพันธุ์จากพุทธคยา ประเทศอินเดีย ปรับพื้นที่เป็นลานหญ้าเป็นสถานที่แสดงพระธรรมเทศนา มีการประดิษฐานพระพุทธรูปปางตรัสรู้ (ปางสมาธิ) ไว้ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์

          มหาสถานที่ ๒ “อนิมิสเจดีย์”

          พระพุทธเจ้าทรงแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ จากนั้นเสด็จไปประทับยืนทางทิศตะวันออกเฉียง เหนือของต้นพระศรีมหาโพธิ์ แล้วทรงจ้องต้นพระศรีมหาโพธิ์ โดยมิได้กระพริบพระเนตรตลอด ๗ วัน ด้วยพระทัยกตัญญูต่อต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่ให้ร่มเงา    ได้อาศัยบำเพ็ญเพียรจนได้ตรัสรู้อริยสัจ ๔ บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นศาสดาเอกของโลก

          ในมหาสถานนี้  ได้ปลูกต้นกัลปพฤกษ์ไว้เป็นสัญลักษณ์  มีการประดิษฐานพระพุทธรูปปางถวายเนตร

          มหาสถานที่ ๓ “รัตนจงกรมเจดีย์

          พระพุทธเจ้าทรงแสดงอิทธิปาฏิหาริย์เนรมิตให้เกิดเป็นทางจงกรมแก้ว     ปูด้วยทรายในท้องมหาสมุทรทั้งหมื่นโลกธาตุ ขนาบด้วยเสาทองคำทำจากเขาพระสุเมรุในหมื่นจักรวาล พระอาทิตย์ พระจันทร์และดวงดาว กลายเป็นโคมไฟของทางจงกรม แล้วเสด็จพุทธดำเนินจงกรมบนรัตนจงกรม  ทางด้านทิศเหนือของต้นพระศรีมหาโพธิ์ตลอด ๗ วัน

          ในมหาสถานนี้  ได้ปลูกต้นรวงผึ้งไว้เป็นร่มเงา ปรับพื้นที่ใต้ต้นรวงผึ้งเป็นลานทรายสีขาว สำหรับฝึกเดินจงกรม  มีการประดิษฐานพระพุทธรูปปางจงกรม

          มหาสถานที่ ๔  “รัตนฆรเจดีย์”

          พระพุทธเจ้าประทับบัลลังก์สมาธิทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของต้นพระศรีมหาโพธิ์  พิจารณาพระธรรมหลายประการตลอด ๗ วัน อุปมาดั่งประทับอยู่ภายในเรือนแก้วซึ่งประกอบขึ้น มีพระวินัยปิฎกเป็นผนัง  อภิธรรมปิฎกเป็นหลังคา ต่อเมื่อทรงพิจารณามหาปัฏฐาน พระฉวีวรรณของพระองค์ก็ผุดผ่องบริสุทธิ์ มีฉัพพรรณรังสีแผ่ออกจากพระวรกายไปยังทุกทิศในจักรวาล

          ในมหาสถานนี้ ได้ปลูกต้นพะยอม ต้นบุนนาค และต้นจำปี สร้าง          ซุ้มเรือนแก้วสำหรับนั่งปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน มีการประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิประกอบด้วยฉัพพรรณรังสี

          มหาสถานที่ ๕ “ต้นอชปาลนิโครธ”

          พระพุทธเจ้าประทับบัลลังก์สมาธิเสวยวิมุตติสุขใต้ต้นไทรของคนเลี้ยงแพะ ตลอด ๗ วัน ทรงขับไล่ธิดาของพญาปรนิมมิตวสวัตตีมาร ๓ นาง คือ  นางตัณหา      นางราคา และนางอรตี ที่มาประเล้าประโลม ยั่วยวนด้วยมารยาแห่งสตรีนานาประการออกไปเสีย  ด้วยพระทัยของพระองค์  ไร้กิเลสและมลทิน

          ในมหาสถานนี้ ได้ปลูกต้นไทรนิโครธ ปรับพื้นดินเป็นเนินสูง  มีการประดิษฐานพระพุทธรูปปางห้ามมารไว้ใต้ต้นไทรนิโครธ

          มหาสถานที่ ๖ “สระมุจลินท์”

          พระพุทธเจ้าประทับบัลลังก์สมาธิเสวยวิมุตติสุขใต้ร่มไม้มุจลินทพฤกษ์    (ต้นจิก) มีฝนตกตลอด ๗ วัน มุจลินทนาคราชเกิดความเลื่อมใส จึงขนดกาย ๗ รอบ ล้อมรอบพระวรกายพระพุทธเจ้าและแผ่พังพานปกเหนือเศียร เพื่อป้องกันพระพุทธเจ้าจากพายุฝน เหลือบ ยุง ลม แดด และอันตรายต่าง ๆ

          ในมหาสถานนี้  ได้สร้างสระน้ำปลูกบัวนานาชนิด ปลูกต้นจิก มีการประดิษฐานพระพุทธรูปปางนาคปรก

          มหาสถานที่ ๗  “ต้นราชายตนะ”

          พระพุทธเจ้าเสวยวิมุติสุขภายใต้ต้นราชายตนะ (ต้นเกด) ตลอด ๗ วัน     แล้วสมเด็จอมรินทราธิราชนำผลสมอมาถวาย และได้มีพาณิชสองพี่น้อง ชื่อตปุสสะและภัลลิกะ มาถวายข้าวสัตตุผงและสัตตุก้อน พร้อมประกาศตนขอเป็นอุบาสกคู่แรกในพระพุทธศาสนา เป็นผู้เข้าถึงรัตนะ  ๒ ประการ คือ พระพุทธและพระธรรมเป็นที่พึ่งที่ระลึก  โดยมีท้าวจตุโลกบาล ถวายบาตรศิลาเพื่อให้ทรงรับข้าวสัตตุผงและข้าวสัตตุก้อน

          ในมหาสถานนี้ ได้ปลูกต้นเกต มีการประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิไว้ใต้ต้นเกต

          มหาสถานที่ ๘ “ปฐมเทศนา ปฐมสาวก ครบองค์รัตนตรัย”

          พระพุทธเจ้า ทรงแสดงพระธัมมจักกัปปวัตตนสูตร อันเป็นปฐมเทศนา โปรดปัญจวัคคีย์ บังเกิดพระอริยสงฆ์องค์แรกในพระพุทธศาสนา ทำให้มีพระรัตนตรัยครบองค์ ๓ ประการคือ พระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ ณ จุดนี้เป็นจุดเริ่มต้นแห่งการประกาศและขับเคลื่อนกงล้อแห่งพระสัทธรรม ให้เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสันติสุขแก่เหล่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายตราบจนทุกวันนี้      

          ในมหาสถานนี้ ได้ปลูกต้นพะยอม ต้นกันเกรา ต้นอินทนิล ต้นบุนนาค     ต้นจำปี   มีการประดิษฐานพระพุทธรูปปางปฐมเทศนา

ลำดับเหตุการณ์

          เมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑  พลโท ณฐพนธ์  ศรีสวัสดิ์  เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ได้กราบนิมนต์พระครูวิสุทธิ์ภาวนาประสิทธิ์ (จิรยุทธ์  อธิฉนฺโท) เจ้าอาวาสวัดตาลเอน อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  ประกอบพิธีโปรยข้าวตอกดอกไม้บริเวณพื้นที่ก่อสร้างอุทยานพุทธธรรมสิกขา  ในพื้นที่ ๕ ไร่เศษ เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลในการก่อสร้างดำเนินการไปด้วยความเรียบร้อย สำเร็จตามความมุ่งหวังของคณะทำงาน

          เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๑ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ได้เข้าเฝ้า  กราบทูลวัตถุประสงค์การจัดสร้างอุทยานพุทธธรรมสิกขา แด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ วัดราชบพิตรสถิตมหาสีมาราม  ราชวรวิหาร

          เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน  ๒๕๖๑  เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก  เข้ากราบถวายสักการะ และกราบเรียนวัตถุประสงค์การจัดสร้างอุทยานพุทธธรรมสิกขา แด่สมเด็จ     พระวันรัต ณ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร และกราบอาราธนาเป็นประธานสงฆ์พิจารณาผ้าป่าสมทบทุนสร้าง

          เมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๑ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก พร้อมด้วยข้าราชการกรมยุทธศึกษาทหารบก ได้ประกอบพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเริ่มดำเนินการก่อสร้างอุทยานพุทธธรรมสิกขา ณ บริเวณพื้นที่ก่อสร้าง

          เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑  ประธานมูลนิธิศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยน้อมถวายต้นพระศรีมหาโพธิ์หน่อพุทธคยา แด่สมเด็จพระวันรัต และสมเด็จพระวันรัต ได้มอบต้นพระศรีมหาโพธิ์แก่ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก เพื่อนำ   ไปปลูก ณ มหาสถานที่ ๑ แห่ง อุทยานพุทธธรรมสิกขา

          เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก กราบนิมนต์สมเด็จพระวันรัต  เป็นประธานพิธีฝ่ายสงฆ์ในพิธีทอดผ้าป่าสามัคคี สร้างอุทยานพุทธธรรมสิกขา ณ หอประชุมเสนาปฏิพัทธ์ กรมยุทธศึกษาทหารบก  เพื่อรวบรวมทุนทรัพย์ก่อสร้าง

            เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก พร้อมด้วยข้าราชการกรมยุทธศึกษาทหารบก ได้ประกอบพิธีบวงสรวง เพื่ออัญเชิญต้นพระศรีมหาโพธิ์หน่อพุทธคยา จากศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี โดยสมเด็จพระวันรัต เป็นองค์ประธานพิธีฝ่ายสงฆ์ อธิษฐานจิต ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ และล้อมดินเพื่ออัญเชิญไปประดิษฐาน ณ อุทยานพุทธธรรมสิกขา  กรมยุทธศึกษาทหารบก

          เมื่อวันที่ ๒๕  กรกฎาคม ๒๕๖๑ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก พร้อมด้วย    ผู้บังคับหน่วย  ของ นขต.ยศ.ทบ. ปลูกต้นรวงผึ้ง ต้นไม้ประจำรัชกาลที่ ๑๐ ภายในบริเวณอุทยานพุทธธรรมสิกขา กรมยุทธศึกษาทหารบก

          เมื่อวันที่ ๓  สิงหาคม ๒๕๖๑ พล.อ.เฉลิมชัย  สิทธิสาท ผบ.ทบ. พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ ทบ. ได้ตรวจเยี่ยมพื้นที่จัดสร้างอุทยานพุทธธรรมสิกขา   กรมยุทธศึกษาทหารบก

          เมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๑ สมเด็จพระวันรัต  (เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุติกนิกาย, กรรมการมหาเถรสมาคม, และเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร) ได้นำ พล.อ.เฉลิมชัย  สิทธิสาท  ผบ.ทบ., พล.อ.โกญจนาท  ศุกรเศรณี ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก, พล.ท.ณฐพนธ์ ศรีสวัสดิ์ จก.ยศ.ทบ. พร้อมด้วยผู้บังคับหน่วย ของ นขต.ยศ.ทบ. ปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ และต้นไม้ประมหาสถานทั้ง ๘ แห่ง

          เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๑ พล.ท.ณฐพนธ์ ศรีสวัสดิ์ จก.ยศ.ทบ. พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชา ได้เดินทางไปตรวจสอบแบบจำลองพระประจำมหาสถาน ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง

          เมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ พล.ท. ณฐพนธ์  ศรีสวัสดิ์ จก.ยศ.ทบ. พร้อมด้วยคณะกรรมการดำเนินงาน ได้ลงนามสัญญาสร้างพระกับเจ้าของโรงหล่อบุญชูปฎิมาพร พุทธมณฑลสาย ๒ เขตบางแคเหนือ กรุงเทพ

          เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๑ พระเกจิอาจารย์ พระวิปัสสนาจารย์ ทั่วประเทศ ลงอักขระแผ่นทอง เพื่อนำมาประกอบพิธีเททองหล่อ

          เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๑ ผู้มีจิตศรัทธาร่วมหล่อพระประจำอุทยานพุทธธรรมสิกขา ได้แก่ พล.อ. ทวีป  เนตรนิยม ประธานกรรมการบริหาร บมจ.กสทช. และสมาคมกองทุนสวัสดิการเพื่อสตรีจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและสมาคมในภาคี ได้มอบเงินแก่กรมยุทธศึกษาทหารบก

          เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๑ พล.ต. สุเทพ  นพวิง รอง จก.ยศ.ทบ.      เป็นประธานพิธีทอดผ้าป่าสามัคคีคืนสู่เหย้า อศจ.ทบ. เพื่อสมทบทุนสร้างอุทยานพุทธธรรมสิกขาและหล่อพระประจำอุทยานพุทธธรรมสิกขา

          เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๑ พ.อ. วิสิทธิ์  วิไลวงศ์ ผอ.กอศจ.ยศ.ทบ.ได้นำคณะ อศจ.ทบ. เข้ารับเงินสมทบทุนสร้างอุทยานพุทธธรรมสิกขา และหล่อพระประจำอุทยานพุทธธรรมสิกขาจากพระเทพวีรภรณ์  เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร

          เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๑ พ.อ. วิสิทธิ์  วิไลวงศ์ ผอ.กอศจ.ยศ.ทบ.    ได้นำคณะ อศจ.ทบ. เข้ามอบเงินสมทบทุนสร้างอุทยานพุทธธรรมสิกขา และหล่อพระประจำอุทยานพุทธธรรมสิกขา แก่กรมยุทธศึกษาทหารบก เป็นเงิน ๑,๔๐๐,๐๙๙.-บาท (หนึ่งล้านสี่แสนเก้าสิบเก้าบาทถ้วน) โดยมี พล.ท. ณฐพนธ์  ศรีสวัสดิ์ จก.ยศ.ทบ.     เป็นผู้รับมอบ

          เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๒ สมเด็จพระวันรัต เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นองค์ประธานสงฆ์ในพิธีหล่อพระพุทธรูปประจำอุทยานพุทธธรรมสิกขา โดยมีเจ้าภาพหล่อแต่ละองค์เข้าร่วมพิธี ณ โรงหล่อพระบุญชูปฎิมาพร พุทธมณฑลสาย ๒ เขตบางแคเหนือ กรุงเทพ

          เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ได้นำผู้บังคับบัญชา นขต.บก.ยศ.ทบ. ประกอบพิธีประดิษฐานพระพุทธรูปประจำอุทยาน พุทธธรรมสิกขา ยศ.ทบ.

          เมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๒ สมเด็จพระวันรัต เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นประธานสงฆ์ในพิธี     เบิกเนตรพระพุทธรูปประจำมหาสถานทั้ง ๘ ณ อุทยานพุทธธรรมสิกขา ยศ.ทบ. โดยมีเจ้าภาพพระพุทธรูป แต่ละองค์เข้าร่วมพิธี

          เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ สมเด็จพระธีรญาณมุนี กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร เมตตาเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดอุทยานพุทธธรรมสิกขา โดยมี พล.อ. วรวิทย์  วรรธนะศักดิ์ ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก ผู้เเทนผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ ทบ.    และเจ้าภาพอุปถัมภ์ร่วมพิธี

หมายเหตุ

          ๑. การสร้างพระพุทธรูปประจำอุทยานพุทธธรรมสิกขา กรมยุทธศึกษาทหารบก

          การสร้างพระพุทธรูปประจำอุทยานพุทธธรรมสิกขา กรมยุทธศึกษาทหารบกนั้น  สร้างตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ที่ทรงมีพระราชดำริเกี่ยวกับรูปแบบพระพุทธรูป   ดังมีข้อความบางตอนจากพระราชหัตถเลขา   ที่ทรงมีไปมาระหว่างในรัชกาลที่ ๕ และกรมหลวงวชิรญาณวโรรส แสดงให้เห็นถึงพระราชประสงค์ที่จะทรงสร้างพระพุทธรูปสัตตมหาสถาน และพระราชดำริเกี่ยวกับรูปแบบพระพุทธรูป ที่เป็นแนวทางในการดำเนินงานในส่วนงานปั้นพระพุทธรูป ๗ ปาง กล่าวคือ

          ฉบับที่ ๑๑๑ สวนดุสิต ลงวันที่ ๑ ธันวาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๘  กรมหลวง      วชิรญาณ กราบบังคมทูลในรัชกาลที่ ๕ ถึงเรื่องงานปั้นพระพุทธรูปปางถวายเนตร ความว่า

          “…..กรมหลวงนเรศร์ บอกวันนี้ ว่ารับสั่งเรียกหุ่นพระถวายเนตรไปทอดพระเนตรโปรดแลติเตียนบ้างบางอย่าง เรื่องคิดปั้นพระพุทธรูปนี้….อยากเห็นพระเปนคน อยากให้เห็นหน้าเปนคนฉลาดอดทนมีความคิดมาก ไม่ใช่ทำหน้าบึ้ง ไม่ใช่นั่งยิ้มกริ่ม ไม่ใช่นั่งหลับเผลอไผล ให้เต็มอยู่ด้วยสติสัมปชัญญะ หน้าตาพระพุทธเจ้าของหม่อมฉันเป็นเช่นนี้…แต่ตาคนนี้ (ช่างปั้นชาวอิตาลี ชื่อ Alfonso Tornarelli) เปนผู้ที่เข้าใจมากกว่าช่างทั้งปวงที่เคยเข้าใจถ้อยคำหม่อมฉัน….”

          พิจารณาจากข้อความบางตอนดังกล่าว และจากหลักฐานงานปั้นพระพุทธรูป ๓ พระองค์ของ ทอรนาเรลลี (Tornarelli)  ที่ประดิษฐานอยู่หน้าพระประธานในพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ราชวรวิหาร และที่ กรมศิลปากร ได้เก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พระนคร นั้น  เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบกดำริว่า รูปแบบของงานปั้นต้นแบบพระพุทธรูปที่จะจัดสร้างประจำอุทยานพุทธธรรมสิกขาฯ จัดสร้างเพื่อ   สืบสานพระราชปณิธาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ควรออกมาในรูปแบบเหมือนจริง อิงรายละเอียดสำคัญซึ่งนายช่างทอรนาเรลลี (Tornarelli) ได้เคยปั้นถวายในครั้งนั้น  และอิงมหาปุริสลักษณะ ที่มาในลักขณสูตร ในพระสุตตันตปิฎก         ทีฆนิกาย ปาฎิกวรรค เล่มที่ ๑๑ และหน้า ๑๕๘-๑๕๙

๒. บทสวดมนต์ประจำอัฏฐมหาสถาน

บทสวดมนต์ประจำอัฏฐมหาสถาน[1]

ณ อุทยานพุทธธรรมสิกขา กรมยุทธศึกษาทหารบก

…………………………………………

          อะระหัง  สัมมาสัมพุทโธ  ภะคะวา        พุทธัง  ภะคะวันตัง  อะภิวาเทมิ

          สะวากขาโต  ภะคะวะตา  ธัมโม           ธัมมัง  นะมัสสามิ

          สุปะฏิปันโน  ภะคะวะโต  สาวะกะสังโฆ  สังฆัง  นะมามิ

           นะโม  ตัสสะ  ภะคะวะโต  อะระหะโต  สัมมาสัมพุทธัสสะ (สวด ๓ หน)


[1] ประพันธ์ภาษาไทย โดย พ.อ. ศรัณยภูมิ  ผู้พึ่ง,  ผอ.กอศจ.ยศ.ทบ. ลำดับที่ ๒๔ (พ.ศ. ๒๕๕๕ – ๒๕๕๖)

กาพย์ฉบัง ๑๖

มหาสถานที่ ๑ “ต้นพระศรีมหาโพธิ์”

มหาสถานที่ ๒ “อนิมิสเจดีย์”

มหาสถานที่ ๓ “รัตนจงกรมเจดีย์

มหาสถานที่ ๔  “รัตนฆรเจดีย์”

มหาสถานที่ ๕ “ต้นอชปาลนิโครธ”

มหาสถานที่ ๖ “สระมุจลินท์”

มหาสถานที่ ๗  “ต้นราชายตนะ”

มหาสถานที่ ๘ “ปฐมเทศนา ปฐมสาวก ครบองค์รัตนตรัย”

๓. เจ้าภาพสร้างพระฯ และศาลาปฏิบัติธรรม

ข้อมูล ณ วันที่ ๙ ม.ค. ๖๒

โครงการเยี่ยมบำรุงขวัญทหารตามแนวชายแดน

………………………….

          มูลนิธิเผยแผ่ธรรมะของอนุศาสนาจารย์ทหารบก ร่วมกับกองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก ในฐานะเป็นผู้กำกับดูแลสายวิทยาการอนุศาสนาจารย์  การพัฒนาศักยภาพสร้างเสริมประสบการณ์ อนุศาสนาจารย์ทหารบก ได้จัดโครงการเยี่ยมบำรุงขวัญทหารที่ปฏิบัติภารกิจตามแนวชายแดน  เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจแก่ทหารที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ตามชายแดน โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้

            ๑. เพื่อเยี่ยมบำรุงขวัญทหารที่ปฏิบัติราชการตามแนวชายแดนของประเทศไทย

            ๒. เพื่อออกเผยแผ่ธรรมะและแนะนำทางใจแก่ทหารที่อยู่ห่างไกลครอบครัว

          ๓. เพื่อรับทราบปัญหาและแนวทางในการปลุกปลอบใจทหารที่ปฏิบัติงานตามแนวชายแดนของไทย

          ๔. เพื่อเยี่ยมเยือนถวายกำลังใจแก่พระสงฆ์ที่ปฏิบัติศาสนกิจในพื้นที่เสี่ยงภัย

          ๕. เพื่อเยี่ยมเยือนสนับสนุนกิจกรรมทางการศึกษาของเยาวชน/นักเรียนในโรงเรียนตามแนวชายแดน

            พล.ต. สมพงษ์  ถิ่นทวี รองประธานมูลนิธิฯ นำคณะ อศจ.ทบ.และสมาคมสตรีศรีอยุธยา ถวาย/มอบสิ่งของแก่วัด ทหารและนักเรียน ตามแนวชายแดนจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อ ๒๑ – ๒๓ ต.ค. ๖๑

โครงการทอดผ้าป่าสามัคคี ๑๐๐ ปี อศจ. คืนสู่เหย้า

………………………….

          ด้วยสายวิทยาการอนุศาสนาจารย์ทหารบกจะเข้าสู่กาลครบรอบปีที่ ๑๐๐ ที่ได้รับพระราชทานกิจการอนุศาสนาจารย์  จากพระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๖๒  โดยเป็นหน่วยงานรับผิดชอบด้านการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมของกองทัพบก  ซึ่งได้เน้นการพัฒนาคุณธรรมด้วยการนำเข้าสู่การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามหลักสติปัฏฐาน ๔  เพื่อดำรงชีวิตได้อย่างมีสติสัมปชัญญะ  และปัญญารู้เท่าทันโลกและแก้ไขปัญหาชีวิตได้อย่างมีสติ และสันติสุข

          กอรปกับกรมยุทธศึกษาทหารบกได้จัดสร้างอุทยานพุทธธรรมสิกขา ให้เป็นสถานที่ศึกษาและปฏิบัติธรรมในพื้นที่ ๕ ไร่เศษภายในกรมยุทธศึกษาทหารบก  โดยสร้างจำลองพุทธประวัติตอนเสวยวิมุตติ ๗ สัปดาห์และทรงแสดงพระปฐมเทศนา รวมเป็น ๘ มหาสถานพร้อมกับได้สร้างพระพุทธรูปปางประทับยืน สูง ๑๙๐ ซ.ม.      ปางประทับนั่งหน้าตัก ๓๕ นิ้ว จำนวน ๘ องค์ และสร้างศาลาปฏิบัติธรรม ประจำอุทยานพุทธธรรมสิกขา  ซึ่งจะเอื้ออำนวยให้สายวิทยาการอนุศาสนาจารย์ได้จัดกิจกรรมปฏิบัติธรรม  มีสถานที่เดินจงกรมและนั่งบำเพ็ญจิตภาวนาอย่างสงบร่มรื่นสืบไป

          มูลนิธิเผยแผ่ธรรมะของอนุศาสนาจารย์ทหารบก  จึงได้จัดโครงการทอดผ้าป่าสามัคคี ๑๐๐ ปีอนุศาสนาจารย์คืนสู่เหย้าขึ้น เพื่อสมทบทุนสร้างอุทยานพุทธธรรมสิกขา กรมยุทธศึกษาทหารบก  เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๑

พล.ต. สุเทพ  นพวิง รอง จก.ยศ.ทบ. พร้อมด้วยคณะ อศจ.ทบ., อศจ.ทร., อศจ.ทอ., อศจ.รท.และ อศจ.ตำรวจ พร้อมด้วยผู้มีจิตศรัทธาได้ทอดผ้าป่าสามัคคีฯ สมทบทุนสร้างอุทยานพุทธธรรมสิกขา  ยศ.ทบ. เมื่อ ๒๓ ธ.ค. ๖๑ ณ ห้องประชุมพระพุทธสิงห์ชัยมงคล

โครงการจัดสร้างพระพุทธสิงห์ชัยมงคล ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย

………………………….

            กิจการอนุศาสนาจารย์ไทย  ถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๔๖๒      ตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ที่ทรงพระราชปรารภว่า “ทหารที่จากบ้านเมืองไปในคราวนี้ต้องไปอยู่ในถิ่นไกล ไม่ได้พบเห็นพระเหมือนเมื่ออยู่ในบ้านเมืองของตน จิตใจห่างเหินจากทางธรรม ถึงยามคะนองก็จะฮึกเหิมเกินไปเป็นเหตุให้เสื่อมเสีย ไม่มีใครคอยให้โอวาทตักเตือน ถึงคราวทุกข์ร้อนก็จะอาดูรระส่ำระสาย ไม่มีใครจะช่วยปลดเปลื้องบรรเทาให้ ดูเป็นการว้าเหว่น่าอนาถ ถ้ามีอนุศาสนาจารย์ออกไป จะได้คอยอนุศาสน์พร่ำสอนและปลอบโยนปลดเปลื้องในยามทุกข์” นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ อนุศาสนาจารย์ก็เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพบก โดยขึ้นกับกรมยุทธศึกษาทหารบก ในนามว่า กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก โดยมีภารกิจหน้าที่รับผิดชอบกิจการอนุศาสนาจารย์ของกองทัพบก อำนวยการและดำเนินงานเกี่ยวกับพิธีการทางศาสนา ให้คำแนะนำแก่ผู้บังคับบัญชาในปัญหาทั้งปวง    ที่เกี่ยวกับการศาสนาและขวัญตลอดถึงการอบรมศีลธรรมและวัฒนธรรมทหาร         การเยี่ยมไข้และการบำรุงขวัญกำลังพลกองทัพบก มูลนิธิเผยแผ่ธรรมะของอนุศาสนาจารย์ทหารบก ได้มีมติในการจัดสร้างพระพุทธสิงห์ชัยมงคล ขนาดหน้าตัก ๙ นิ้ว จำนวน ๑,๐๐๐ องค์ สำหรับผู้จัดตั้งกองทุนๆละ ๓,๔๙๙ บาท 

          วัตถุประสงค์การจัดสร้าง

               ๑. เพื่อสมทบทุนมูลนิธิเผยแผ่ธรรมะของอนุศาสนาจารย์ทหารบก (หลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว)

               ๒. เพื่อจัดพิธีบำเพ็ญกุศล ๑๐๐ ปี อนุศาสนาจารย์ไทย

               ๓. เพื่อจัดกิจกรรมเผยแผ่พระพุทธศาสนา เช่น การประกวดสวดมนต์ตามแบบธรรมเนียมทหาร  ที่ผ่านการคัดเลือกจากกองทัพภาคที่ ๑-๔ และหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกส่วนกลาง

               ๔. เพื่อการประกวดสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัยทำนองสรภัญญะ

               ๕. เพื่อการประกวดกล่าวคำอาราธนาในพระพุทธศาสนาพิธีและประกวดการบรรยายธรรมของนักเรียน นักศึกษาจากสถาบันการศึกษาต่างๆ

               ๖. เพื่อจัดทำหนังสือที่ระลึก “๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย

            พล.อ. วรวิทย์  วรรธนะศักดิ์ ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก ผู้แทน ผบ.ทบ. เป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษก พระพุทธสิงห์ชัยมงคล ๑๐๐ ปี อศจ.ไทย ณ อุโบสถวัดตาลเอน อ.บางปะหัน จว.อ.ย. เมื่อ ๑๔ พ.ย. ๖๑