บทที่ ๔ สัมพันธภาพของอนุศาสนาจารย์

. ความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้บังคับหน่วย

          ก. อนุศาสนาจารย์ในฐานะฝ่ายอำนวยการพิเศษของผู้บังคับหน่วยจะต้องมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับผู้บังคับหน่วย  เพื่อเสนอแนะในเรื่องที่เกี่ยวกับศาสนาวัฒนธรรมประเพณี  ตลอดจน  ข้อปฏิบัติเพื่อเสริมสร้างขวัญและกำลังใจของกำลังพล  และในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา  อนุศาสนาจารย์จะต้องรับทราบแนวนโยบายของผู้บังคับบัญชา ตลอดจนคำชี้แจงต่างๆ ที่เอื้ออำนวยในการปฏิบัติหน้าที่ แล้วนำไปดำเนินการจนเกิดผลดีต่อหน่วยและกำลังพลของหน่วยต่อไป

          ข. รส. ๑๐๑-๔  ได้กำหนดถึงความสัมพันธ์ของอนุศาสนาจารย์  ในฐานะฝ่ายอำนวยการต่อผู้บังคับหน่วยรองในลักษณะ ดังนี้

          “ หากปรากฏพบว่า  คำสั่งของผู้บังคับบัญชาหน่วยเหนือ ก่อให้เกิดความเข้าใจที่ผิดพลาดอนุศาสนาจารย์จะช่วยประสาน เสริมความเข้าใจแก่ผู้บังคับหน่วยรอง หรือฝ่ายอำนวยการของผู้บังคับบัญชา ในลักษณะให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่จำเป็นเพื่อช่วยให้ผู้บังคับหน่วยรอง เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องในความต้องการของผู้บังคับหน่วยเหนือ ”

. ความสัมพันธ์กับฝ่ายอำนวยการ

          หน้าที่ของอนุศาสนาจารย์ ในฐานะที่เป็นฝ่ายอำนวยการพิเศษ จะต้องปรึกษาหารือกับฝ่ายอำนวยการอื่นๆ  เพื่อรับทราบข้อมูลทางเทคนิค ข่าวสาร และแนวทางปฏิบัติที่ได้วางไว้  ตลอดจนหาแนวทางให้ข้อคิดทางด้านศาสนา  ความรู้สึกรับผิดชอบ และขวัญกำลังใจ ด้วยสัมพันธภาพฉันท์มิตร โดยจะไม่เข้าไปก้าวก่ายในเรื่องที่อยู่ในความรับผิดชอบของฝ่ายอำนวยการอื่น

. ความสัมพันธ์กับกำลังพลของหน่วย  

          ก.อนุศาสนาจารย์  จะต้องอยู่ในฐานะที่กำลังพลทุกระดับ เข้าพบปะปรึกษาหารือขอรับคำแนะนำได้โดยง่าย โดยคงฐานะความเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ, การยอมรับฟังข้อคิดเห็น, ความอ่อนน้อมถ่อมตน, ความสงบเยือกเย็นหนักแน่นมั่นคง  และเป็นที่ยอมรับของกำลังพลในด้านความเสียสละ,  ความซื่อสัตย์, ความอดทน

          ข. อนุศาสนาจารย์ จะต้องหมั่นออกพบปะกำลังพลอยู่เสมอ ณ สถานที่ต่างๆ เช่น โรงเลี้ยง,โรงนอน, ห้องฝึกฝน, ห้องพักผ่อน, พื้นที่ดำเนินการยุทธ ทั้งในยามปกติ และยามสงคราม

. ความสัมพันธ์กับครอบครัวของกำลังพล

          อนุศาสนาจารย์ จะต้องหมั่นเยี่ยมเยียนครอบครัวของกำลังพลเพื่อให้การดูแลและให้คำปรึกษาหารือ, ส่งเสริมให้เข้าร่วมกิจกรรมทางด้านศาสนาวัฒนธรรมประเพณี  และช่วยแก้ปัญหาทางด้านจิตใจ

. ความสัมพันธ์ระหว่างอนุศาสนาจารย์ด้วยกันเอง

          ความสัมพันธ์ของอนุศาสนาจารย์ระหว่างกันและกัน จะต้องอยู่บนพื้นฐานในความเข้าใจซึ่งกันและกัน, มีความเคารพกัน, อุทิศตนเพื่อส่วนรวม และปฏิบัติพิธีต่างๆ อันก่อให้เกิดขวัญกำลังใจแก่กำลังพลและครอบครัว ตามความเหมาะสมแห่งความสัมพันธ์ในด้านต่างๆ คือ

          ก. ความสัมพันธ์ในฐานะผู้ร่วมสายวิทยาการเดียวกัน  จึงต้องมีความเคารพกันตามลำดับอาวุโส เชื่อฟังและปฏิบัติตามระเบียบต่างๆ ที่สายวิทยาการกำหนดขึ้นเหมือนๆ กัน

          ข. ความสัมพันธ์ในฐานะผู้มีจรรยาบรรณเดียวกัน  ต้องประพฤติตนอยู่ในจรรยาบรรณของอนุศาสนาจารย์อย่างเคร่งครัด ไม่ประพฤติตนให้เป็นที่รังเกียจของหมู่คณะ

          ค. ความสัมพันธ์ในฐานะผู้มีบทบาทในการพัฒนาจิตรวมทั้งขวัญ กำลังใจของกำลังพลเช่นเดียวกัน จึงต้องมีความหนักแน่นในด้านความรู้เกี่ยวกับศาสนาวัฒนธรรมประเพณี และปฏิบัติพิธีการต่างๆ ได้อย่างถูกต้องเช่นเดียวกัน

แบบธรรมเนียมทางสังคม

          เป็นความจำเป็นที่อนุศาสนาจารย์จะต้องเรียนรู้แบบธรรมเนียมต่างๆ ของสังคมและปฏิบัติตามแบบธรรมเนียมเหล่านั้นได้อย่างถูกต้องเหมาะสม เพราะแบบธรรมเนียมเหล่านั้นมีความสัมพันธ์กับวินัยและขวัญกำลังใจของกำลังพลเป็นอย่างมาก อาทิ การแสดงความเคารพ,  ความอ่อนน้อม, การให้เกียรติกันและกัน อนุศาสนาจารย์ซึ่งมีบทบาทเกี่ยวกับศาสนาวัฒนธรรมประเพณีทั้งในสังคมทหาร, สังคมใกล้เคียงหน่วยทหารและสังคมทั่วไป จึงต้องเรียนรู้และปฏิบัติให้ถูกต้อง  จนเป็นที่ยอมรับในฐานะที่เป็นทหารที่ดีของกองทัพ และเป็นพลเมืองที่ดีของชาติ

ความสำคัญในฐานะพุทธมามกะ

. สถานภาพอนุศาสนาจารย์ในกองทัพ

          ในกองทัพ อนุศาสนาจารย์จะเป็นผู้แทนของพระพุทธศาสนาที่มีความเชื่อมั่นในหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นผู้เคร่งครัดในการปฏิบัติต่อหลักคำสอนนั้นๆ รวมทั้งสามารถปฏิบัติพิธีกรรมต่างๆ ได้อย่างถูกต้องทั้งในศาสนสถานประจำหน่วย, สถานที่ที่กำหนดให้มีการจัดพิธีเป็นการเฉพาะกิจ  และตามเคหสถานของกำลังพลและครอบครัว

. การปฏิบัติหน้าที่ในฐานะพุทธมามกะ

          กองทัพบกได้กำหนดให้อนุศาสนาจารย์เป็นเจ้าหน้าที่หลักในพิธีการต่างๆ ทางพระพุทธศาสนา  ดังนั้น อนุศาสนาจารย์ จึงต้องเสนอแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องให้กำลังพลทราบ และรวบรวมขึ้นเพื่อใช้ในกองทัพ  อนุศาสนาจารย์จะต้องนำกำลังพลให้มีความใกล้ชิดและแนบแน่นกับพระพุทธศาสนา  ด้วยการสอนอบรมหรือจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การแสดงตนเป็นพุทธมามกะ, การประกอบพิธีเวียนเทียนในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา, การพัฒนาวัด เป็นต้น

. กิจกรรมทางด้านพิธีกรรมทางศาสนา

          ก. เพื่อสร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดีต่อกองทัพ อนุศาสนาจารย์ควรเข้าร่วมประชุมเกี่ยวกับด้านจริยธรรม, วัฒนธรรมและประเพณีที่วัดหรือองค์กรการกุศลต่างๆ จัดขึ้น และรวบรวมแนวทางที่ได้จากการประชุมนั้นมาปฏิบัติในหน่วยเพื่อประโยชน์แก่กำลังพลต่อไป

          ข. เพื่อรักษาสภาพจิตใจให้มั่นคงต่อภารกิจความศรัทธาที่มีต่อพระพุทธศาสนา  และ ความบริสุทธิ์แห่งจิตใจให้มากขึ้น อนุศาสนาจารย์จึงต้องหมั่นเข้าร่วมปฏิบัติธรรมกับวัดหรือสถานที่ปฏิบัติธรรมที่เหมาะสม โดยขออนุญาตจากผู้บังคับหน่วยเป็นคราวๆ ไป

          ค. เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลทางศาสนา อนุศาสนาจารย์จะต้องหาโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมกับ อนุศาสนาจารย์ต่างเหล่าทัพและอนุศาสนาจารย์ของศาสนาอื่นด้วย  แต่การเข้าร่วมกิจกรรมนั้นต้องไม่ละเมิดกฎแห่งการรักษาความปลอดภัย และความลับของทางราชการ

ความสัมพันธ์กับชุมชน

๑. ความสัมพันธ์กับชุมชนและบุคคลที่อยู่ในชุมชนนั้นๆ

          อนุศาสนาจารย์ ควรขออนุญาตผู้บังคับหน่วย เพื่อพบปะกับผู้แทนทุกศาสนา และผู้นำชุมชนต่างๆ  ในละแวกใกล้เคียง  ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นดังกล่าวจะช่วยให้การดำเนินงานทางศาสนาของหน่วยประสบความสำเร็จ  และยังช่วยให้การพัฒนาความสัมพันธ์กับชุมชนเป็นไปอย่างดียิ่งอีกด้วย

ชุมชนดังกล่าว เช่น

          ก. องค์การทหารผ่านศึกหรือทหารกองหนุน

          ข. สมาคมผู้ปกครอง, สมาคมทางด้านวิชาชีพ, สมาคมทางด้านเกษตรอุตสาหกรรม

          ค. หน่วยงานสวัสดิการและสังคมสงเคราะห์

          ง. องค์การศาสนา, องค์การกุศลสาธารณะ เช่น พุทธสมาคม, สภายุวพุทธิกสมาคม, สมาคมทางด้านการสังคมสงเคราะห์ เป็นต้น

. สาธารณสถาน

          การใช้สื่อในการสัมพันธ์กับชุมชนได้อย่างเหมาะสม  จะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งชุมชนและกองทัพเอง อนุศาสนาจารย์จึงควรส่งเสริมให้มีการจัดกิจกรรมต่างๆ ซึ่งอยู่ในความสนใจของชุมชนนั้นๆ เช่น การจัดนิทรรศการในวันสำคัญทางศาสนา หรือของชาติ  โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อประชาสัมพันธ์งานของกองทัพและของหน่วย เพื่อให้เกิดภาพลักษณ์และความเข้าใจที่ดีต่อกันเป็นส่วนรวม