บทที่ ๗ สำนึกแห่งอนุศาสนาจารย์

. สำนึกในการครองตน ครองคน ครองงาน

          อนุศาสนาจารย์ มีงานและภารกิจหลายอย่างที่จะต้องครุ่นคิดและดำรงความสำนึกในใจ  เฉพาะที่สำคัญๆ มีดังต่อไปนี้

          ๑.๑ ปัจจัยเวลา มีความสำคัญสำหรับการปฏิบัติภารกิจหน้าที่ของอนุศาสนาจารย์

          ๑.๒ ต้องสามารถปฏิบัติภารกิจหน้าที่ในเวลาราชการ  นอกเวลาราชการ  ในวันราชการและวันหยุดราชการ งานที่เหมาะสมที่จะปฏิบัตินอกเวลาราชการได้  เช่น

                    ๑.๒.๑ การสอนอบรมพลทหาร

                    ๑.๒.๒ การฝึกซ้อมและการไหว้พระสวดมนต์ร่วมกับทหาร

                    ๑.๒.๓ การเยี่ยมพบปะครอบครัว

                    ๑.๒.๔ การติดต่อนิมนต์พระสงฆ์

                    ๑.๒.๕ การปฏิบัติพิธีของหน่วยและของกำลังพลเป็นครั้งคราว

                    ๑.๒.๖ การบันทึกรายการวิทยุ  (กรณีบันทึกด้วยเครื่องบันทึกของตนเอง)

                    ๑.๒.๗ การค้นคว้าเตรียมการ ศึกษาฝึกฝนตนอยู่เสมอ

                    ๑.๒.๘ การวางแผนเพื่อจะไปพบปะปรึกษาหารือกับผู้บังคับหน่วยของกำลังพลที่มีปัญหา (ถ้าจำเป็น ) เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาร่วมกัน

                    ๑.๒.๙ การวางแผนพิจารณาหาเหตุผลประกอบอื่นๆ  ในการที่จะแก้ปัญหากำลังพลที่มีปัญหา ว่าควรจะดำเนินการอย่างไร เมื่อใด

          ๑.๓ อนุศาสนาจารย์พึงตระหนักว่า ตนเป็นมิตรกับกำลังพลที่มีปัญหาได้ทุกประเภท คือ เป็นมิตรผู้แนะประโยชน์ โดยไม่แสดงอาการรังเกียจด้วยประการใดๆ

          ๑.๔ กำลังพลบางนายคบกับคนอื่น  เข้ากับผู้อื่นไม่ได้  มีแต่ผู้รังเกียจและตำหนิ แม้ผู้เช่นนี้ อนุศาสนาจารย์ต้องมีจิตเมตตา และมีกรุณาจิตตามหลักพรหมวิหาร ด้วยวิธีหาโอกาสพบปะเยี่ยมเยียนเป็นการส่วนตัวทั้งที่บ้าน หรือสถานที่ตามความเหมาะสม ด้วยวิธีการเช่นนี้ มีความเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมกำลังพลผู้นั้นในทางบวก

          ๑.๕ ต้องถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะรักษาความลับของกำลังพลและครอบครัวซึ่งมีปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่ไม่ควรเปิดเผย ซึ่งล่อแหลมที่จะก่อให้เกิดความเสื่อมเสีย

          ๑.๖ อนุศาสนาจารย์ต้องฝึกฝนบำเพ็ญจิตภาวนาเป็นการส่วนตัวทุกวัน    เพื่อดำรงเสถียรภาพความเป็นอนุศาสนาจารย์และรักษาพลังใจในตนให้มีความมั่นคงหนักแน่น

          ๑.๗ ต้องมีวินัยเป็นแบบอย่างของทหาร และมีความเคารพเชื่อฟังอนุศาสนาจารย์ที่อาวุโสกว่า  ตามสายการบังคับบัญชา และคณะกรรมการอนุศาสนาจารย์อย่างเคร่งครัด

          ๑.๘ ในกรณีไม่สามารถดำรงอยู่ในภาวะของอนุศาสนาจารย์ได้ ต้องมีความตระหนักในระบบเกียรติยศด้วยตนเอง  โดยการปฏิบัติต่อคำสัตย์ปฏิญาณที่ให้ไว้ต่อคณะอนุศาสนาจารย์เป็นลายลักษณ์- อักษร  ถ้าให้คณะกรรมการอนุศาสนาจารย์เป็นผู้ดำเนินการให้อาจเกิดความเสียหายแก่อนุศาสนาจารย์ผู้นั้น

          ๑.๙ ต้องตระหนักอยู่เสมอว่า กำลังพลและครอบครัวภายในหน่วย          มีทรรศนะต่ออนุศาสนาจารย์ว่าเป็นผู้เป็นแบบอย่างทางศีลธรรมจรรยา หากอนุศาสนาจารย์ประพฤติบกพร่องในส่วนนี้ จะมีผลกระทบต่อการอบรมศีลธรรมวัฒนธรรม การปฏิบัติพิธี การให้คำแนะนำเป็นอย่างมาก คือมากกว่ากำลังพลอื่นๆ ที่ปฏิบัติบกพร่องในเรื่องเดียวกัน และจะนำไปสู่การคลายศรัทธา

          ๑.๑๐ ต้องมีอัธยาศัยขยัน แสดงความกระตือรือร้นที่จะทำงานและมีความเอื้อเฟื้อต่องานอยู่เสมอ  เพราะการเกียจคร้านทำการงานเป็นอบายมุขข้อหนึ่งในจำนวนหลาย ๆ ข้อ

. วินัยหรือจรรยาบรรณของอนุศาสนาจารย์

          อนุศาสนาจารย์ใหม่ทุกนาย เมื่อบรรจุเข้ารับราชการในตำแหน่งอนุศาสนาจารย์แล้ว จะต้องเข้าสู่พิธีรับเข้าหมู่คณะของอนุศาสนาจารย์ทหารบก ในคราวอบรมเพิ่มเติมความรู้ประจำปี สายวิทยาการ อศจ.ทบ. โดยมีพิธีการดังนี้

          – ผู้ร่วมพิธีพร้อม

          – อศจ.ใหม่ เข้าประจำจุดสำหรับประกอบพิธี

          – ผอ.กอศจ.ยศ.ทบ.เดินทางถึงห้องประชุมพระพุทธสิงห์ชัยมงคล

          – หน.กำลังพลฯ บอกแสดงความเคารพ

          – ผอ.กอศจ.ยศ.ทบ.จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย, กราบพระ, เคารพธงชาติและพระบรมฉายาลักษณ์  นั่ง ณ ที่รับรอง

          – หน.กำลังพลฯ กล่าวรายงานเบิกตัว อศจ.ใหม่กระทำพิธีรับเข้าหมู่คณะ และเรียนเชิญ ผอ.กอศจ.ยศ.ทบ.ประกอบพิธีฯ

          – อศจ.ใหม่เดินขึ้นเวทีทีละนาย (หันหน้าไปทาง ผอ.กอศจ.ยศ.ทบ.)  จนครบ

          – คนหลังสุดสั่ง ซ้ายหัน , สั่งคุกเข่า  กราบ ๓ ครั้ง

          – ผู้นำ กล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย ( อรหัง  สัมมาสัมพุทโธ ภควาฯ ) ที่เหลือว่าตาม

          – อาราธนาศีล/กล่าวบท นะโม /สมาทานศีล (กล่าวพร้อมกัน)

          – กล่าวคำสัตย์ปฏิญาณ และวินัย อศจ. เป็นวรรค ๆ เบื้องหน้า พระพุทธสิงห์ชัยงคล  (จบแล้วกราบ ๓ ครั้ง)

          – คนสุดท้ายสั่ง (ลุก…..ขวา.. หัน)

          – เดินมามอบคำสัตย์ปฏิญาณและวินัย อศจ. ให้ ผอ.กอศจ.ยศ.ทบ. (โค้ง…/..ยืน../..กึ่งขวาหัน…/..ยื่นแขนซ้ายรับปลอกแขน../ ยืนตรง/..รับน้ำมนต์มาดื่ม../คืนแก้ว../สัมผัสมือ/..โค้ง.)

          – เดินกลับไปกราบพระ  เคารพธงชาติ พระบรมฉายาลักษณ์ (จนครบทุกคนแล้ว)

          – ผอ.กอศจ.ยศ.ทบ.ให้โอวาท จบแล้ว (หน.กำลังพลสั่ง “ตรง”)

          – เดินลงมายืนด้านหน้าเวทีรับการแสดงความยินดีจาก คณะ อศจ.

          – เสร็จพิธี

      ๒.๑ คำสัตย์ปฏิญาณตนของอนุศาสนาจารย์

คำสัตย์ปฏิญาณ อศจ.ทบ.

…………………………….

      โดยหนังสือฉบับนี้   ข้าพเจ้า……………………………………………..ขอให้คำสัตย์ปฏิญาณ/ ไว้ต่อหน้าพระพุทธสิงห์ชัยมงคล/ และคณะอนุศาสนาจารย์กองทัพบก/ ดังต่อไปนี้

      ข้อ ๑ / ข้าพเจ้า/  จักปฏิบัติตามคำสั่ง/  และโอวาท/ ของหัวหน้าอนุศาสนาจารย์/ ทุกประการโดยเคร่งครัด/

      ข้อ ๒ / ข้าพเจ้า/  จักปฏิบัติตาม/  กฎ/  ข้อบังคับ / คำสั่ง / ระเบียบ /และแบบธรรมเนียมของทางราชการ/ทุกประการโดยเคร่งครัด/

      ข้อ ๓ / ข้าพเจ้า/ จักปฏิบัติหน้าที่ราชการ/ จนสุดความสามารถ/ ด้วยความเต็มใจ/ โดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยากลำบาก/ แต่ประการใด

      ข้อ ๔ / ข้าพเจ้า/ จักไม่ประพฤติตน/ ให้เป็นที่รังเกียจของคณะ/ ด้วยประการใด ประการหนึ่ง/ จักประพฤติตน/  ให้เหมาะสมกับฐานะ/ ที่เป็นอนุศาสนาจารย์ทุกประการ /

      ข้อ ๕ / ถ้าข้าพเจ้า/ ไม่กระทำตามคำสัตย์ปฏิญาณ / ที่ให้ไว้นี้ / หรือทำตนให้เป็นที่รังเกียจของคณะ/ ด้วยประการใดประการหนึ่งก็ตาม / ข้าพเจ้าจักไม่เห็นแก่ตัว /     จนทางราชการสั่งให้ออก / จักขอลาออกโดยดี / ด้วยตนเอง / ทีเดียว /

      คำสัตย์ปฏิญาณนี้ / ให้ไว้ / ณ วันที่ ………..เดือน……………..พ.ศ………..

ลงชื่อ …………………………………………………

(…………………………………………..)

ผู้ให้คำสัตย์ปฏิญาณ

๒.๒ คำปฏิญญาจรรยาบรรณอนุศาสนาจารย์ทหารบก

คำปฏิญญาจรรยาบรรณอนุศาสนาจารย์ทหารบก

…………………………………

ข้าพเจ้า     (ยศ,ชื่อ-สกุล)

      ขอให้คำปฏิญญา/ ไว้ต่อหน้าพระพุทธสิงห์ชัยมงคล/ และพระบรมรูป/พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว/ องค์พระราชทาน/ กำเนิดกิจการอนุศาสนาจารย์กองทัพไทย/ ด้วยการปฏิบัติตามจรรยาบรรณ ๑๓ ข้อ/ ดังต่อไปนี้

      ข้อ ๑ /อนุศาสนาจารย์/ ต้องรักษาศีล ๕ เป็นนิตย์

      ข้อ ๒ /อนุศาสนาจารย์/ ต้องตั้งอยู่ในธรรมของสัตบุรุษ/ และกุศลกรรมบถ ๑๐

      ข้อ ๓ /อนุศาสนาจารย์/ ต้องมีภรรยาเพียงคนเดียว/ และต้องเลี้ยงดูครอบครัวโดยชอบธรรม

      ข้อ ๔ / อนุศาสนาจารย์/ ต้องไม่เข้าไปมั่วสุมในสำนักหญิงแพศยา/ บ่อนการพนัน/ และสถานที่มีการเสพสิ่งเสพติด

      ข้อ ๕ /อนุศาสนาจารย์/ ต้องงดเว้นการประกอบมิจฉาชีพ/ และรับประกอบกิจ/ อันวิญญูชนพิจารณาแล้วตำหนิติเตียนได้

      ข้อ ๖ /อนุศาสนาจารย์/ เมื่อประสงค์จะร้องเรียน/ขอความเป็นธรรมจากผู้ใหญ่/ต้องไม่ใช้บัตรสนเท่ห์/หรือเขียนคำขอร้อง/ตลอดจนข้อความโจมตีผู้อื่นทางสื่อทุกชนิด

      ข้อ ๗/ อนุศาสนาจารย์จะต้องไม่วิ่งเต้น/หรือร้องให้บุคคลภายนอกวงการอนุศาสนาจารย์/จำต้องโยกย้ายตน/ หรือยับยั้งการโยกย้ายตน /ในเมื่อการกระทำนั้นขัดกับแผนการโยกย้าย/ ของสายวิทยาการอนุศาสนาจารย์

      ข้อ ๘ /อนุศาสนาจารย์จะต้องงดเว้นเด็ดขาด/ จาการแสดงตัวว่าเป็นคนมักได้/ ร่ำร้องขอบำเหน็จความชอบ/จากผู้ใหญ่เพื่อตนเอง

      ข้อ ๙/ อนุศาสนาจารย์/ ไม่พึงพกอาวุธ

      ข้อ ๑๐/ อนุศาสนาจารย์/ ไม่พึงเข้าเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด

      ข้อ ๑๑/ อนุศาสนาจารย์/ ไม่พึงรำวง/ เต้นรำ ร้องเพลงโชว์/ ต่อยมวย/ แต่งแฟนซี /และออกปรากฏตัวในฐานะผู้แสดงลิเก ละคร

      ข้อ ๑๒ / อนุศาสนาจารย์/ พึงตระหนักในการแต่งกายให้สุภาพ/ และ

          ๑๒.๑ ในเวลาปฏิบัติราชการ/ แต่งเครื่องแบบให้ครบถ้วน

          ๑๒.๒ ไม่ไว้ผมยาวหรือตัดผมแบบคาวบอย

          ๑๒.๓ เมื่อสวมเสื้อแขนยาว ต้องไม่พับแขน

          ๑๒.๔ เครื่องแต่งกายทุกส่วน ต้องไม่ใช้สีและลวดลายที่ฉูดฉาด

      ข้อ ๑๓/ อนุศาสนาจารย์จะต้องไม่ประพฤติตน/ เป็นปฏิปักษ์ต่อคณะสงฆ์นิกายใดนิกายหนึ่ง/และเคารพเชิดชูโดยสม่ำเสมอกัน

      ด้วยอำนาจแห่งคำปฏิญญานี้  ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย/โปรดอำนวยพรให้ข้าพเจ้า/  เจริญรุ่งเรืองในวิชาชีพอนุศาสนาจารย์/  การรับราชการและมีความสุขสวัสดี/ ตลอดกาลนานเทอญ ฯ

. ลักษณะการปฏิบัติงานของอนุศาสนาจารย์

          ๓.๑ ปฏิบัติตามแผนงานที่ทราบล่วงหน้า ทั้งในเวลาราชการและนอกเวลาราชการ

          ๓.๒ ปฏิบัติงานตามกรณีและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่มีแผนงานและไม่ทราบล่วงหน้าทั้งในวันเวลาราชการและนอกวันเวลาราชการ

          ๓.๓ ปฏิบัติงานภายนอกหน่วย เช่นการสอนอบรมและการปฏิบัติพิธีแก่หน่วยที่ไม่มีอนุศาสนาจารย์

          ๓.๔ ต้องปฏิบัติงานพิธีให้แก่ผู้บังคับบัญชาในส่วนบังคับบัญชาของกองทัพบก  ตามที่สำนักงานเลขานุการกองทัพบกประสานโดยตรง

          ๓.๕ ต้องปฏิบัติพิธีของอดีตผู้บังคับบัญชา และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพบกที่เกษียณอายุราชการแล้ว เป็นครั้งคราวตามที่ได้รับการประสานโดยตรง

          ๓.๖ ต้องปฏิบัติงานให้ความร่วมมือแก่สถานศึกษา วัด องค์กรทางศาสนา และส่วนราชการ นอกกองทัพบกเป็นครั้งคราวตามที่ได้รับการประสาน เช่น การร่วมอภิปรายธรรมะ การบรรยายธรรมะการปฏิบัติพิธี  การเป็นกรรมการตัดสินกิจกรรมทางศาสนาวัฒนธรรมประเพณี

          ๓.๗ ต้องปฏิบัติงานทางธุรการที่เกี่ยวข้องกับงานเอกสาร วารสาร จุลสารทางจริยธรรมและการบันทึกเทปรายการทางสถานีวิทยุและโทรทัศน์ ที่เกี่ยวข้อง

          ๓.๘ ต้องปฏิบัติงานให้คำแนะนำด้านขวัญกำลังใจและจริยธรรม การเยี่ยมพบปะครอบครัวทหาร ทหารเจ็บป่วย การไหว้พระสวดมนต์ของทหารในเวลา ๒๐๓๐

          ๓.๙ ต้องปฏิบัติงานในการกำกับหลักสูตรของกองทัพบกที่เกี่ยวกับจริยธรรม ซึ่งเปิดทำการศึกษาในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด ต้องกำกับดูแลนอกวันราชการและนอกเวลาราชการ

          ๓.๑๐ ต้องส่งอนุศาสนาจารย์ไปบรรยายอบรมทางศีลธรรมวัฒนธรรมและปฏิบัติพิธี แก่หน่วยที่ไม่มีอนุศาสนาจารย์

          ๓.๑๑ ต้องสอนในโรงเรียนเหล่าสายวิทยาการในวิชาการศาสนาและศีลธรรม ตามที่ได้รับการประสาน รวมทั้งการสอนในหลักสูตรที่กองอนุศาสนาจารย์รับผิดชอบโดยตรง

          ๓.๑๒ ต้องบรรยายอบรมทางศีลธรรมแก่นักโทษในเรือนจำของฝ่ายพลเรือนที่พุทธสมาคม แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ขอความช่วยเหลือ

          ๓.๑๓  ต้องสอนโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ตลอดห้วงเวลาของหลักสูตรในวันอาทิตย์

          ๓.๑๔ ต้องบรรยายอบรมแก่พระนวกะ ตามที่ทางคณะสงฆ์ ขอความร่วมมือในห้วงเวลาเข้าพรรษา

          ๓.๑๕ อนุศาสนาจารย์ผู้ใหญ่และผู้ติดตาม ต้องออกตรวจกิจการอนุศาสนาจารย์ประจำปีตามห้วงเวลาตลอดทั้งสี่กองทัพภาค

. การปฏิบัติภารกิจนอกเหนือจากภารกิจหลักของอนุศาสนาจารย์

          ด้วยเหตุผลและความจำเป็นในการปฏิบัติภารกิจของอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษา-ทหารบก จึงได้มีหนังสือขอความร่วมมือไปยังหน่วยต่างๆ ไม่ให้มอบหมายภารกิจที่นอกเหนือจากภารกิจหน้าที่ของอนุศาสนาจารย์ ให้อนุศาสนาจารย์ปฏิบัติ (หนังสือ ยศ.ทบ. ที่ ๒๕๐๓/๐๓ ลง ๒๙ ก.พ.๐๓)    ซึ่งนอกจากภารกิจบางอย่างไม่เหมาะสมกับภาวะอนุศาสนาจารย์แล้ว ยังเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อนุศาสนาจารย์ไม่มีเวลาเพียงพอที่จะปฏิบัติภารกิจหลักของตน เช่นการสอนบรรยายการพบปะเสนอแนะทางจริยธรรม การริเริ่มงานทางสายวิทยาการ การแก้ปัญหารายบุคคลของกำลังพลที่มีปัญหา การวางแผนป้องกันกำลังพลที่ไม่มีปัญหาไม่ให้มีปัญหา เป็นต้น ให้เรียบร้อยได้ทันเวลา ทั้งไม่มีเวลาที่จะค้นคว้าเตรียมการสำหรับการสอน การบรรยายของตนด้วย ภารกิจที่กรมยุทธศึกษาทหารบก ขอความร่วมมือไปยังหน่วยต่าง ๆ ไม่ให้มอบให้อนุศาสนาจารย์ปฏิบัติ คือ  

          ๔.๑ การเป็นผู้จัดการโรงเรียนบุตร ทบ.

          ๔.๒ การเป็นผู้ควบคุมรถนักเรียนและผู้โดยสาร

          ๔.๓ การเป็นกรรมการจัดซื้อจัดขายสิ่งของ

          ๔.๔ การเป็นกรรมการประกวดราคา

          ๔.๕ การเป็นกรรมการตรวจรับสิ่งของประจำเดือน

          ๔.๖ การเป็นกรรมการสอบสวนลงโทษผู้กระทำผิด

          ๔.๗ การเป็นเจ้าหน้าที่เหรัญญิกหรือผู้เก็บรักษาเงิน

          อนึ่ง  นอกจากภารกิจที่กรมยุทธศึกษาทหารบกได้ขอความร่วมมือดังกล่าวนั้นแล้ว ยังมีภารกิจอื่น ๆ ที่หน่วยไม่ควรมอบหมายให้อนุศาสนาจารย์ปฏิบัติ เช่น

                    ๑) การเข้าเวรยาม ( ถ้ากรณีมีพิธีศพของข้าราชการ อศจ. จะละทิ้งเวรยามไม่ได้)

                    ๒) การเข้าร่วมเป็นกรรมการตัดสินการแข่งขันที่มีการปฏิบัติต่อเนื่อง  เช่น  การเป็นกรรมการตัดสินการแข่งขันกีฬา ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการปฏิบัติภารกิจโดยตรงของอนุศาสนาจารย์